วิธีออกจากความสัมพันธ์ toxic
8 วิธี จากความสัมพันธ์เป็นพิษ ‘อกหักดีกว่าทนกับความรักแย่ ๆ’
ท่ามกลางเหตุการณ์ COVID – 19 ที่รุนแรง ก็ได้มีข่าวสารสะเทือนใจเกี่ยวกับการฆาตกรรม คู่รักโดยนักแสดงชายคนหนึ่ง เหตุนี้ทำให้มีความคิดว่า “อกหัก คงจะดีมากยิ่งกว่าทนอยู่กับความรักห่วยแตกๆ” เนื่องจากว่าเมื่อมาดูสถิติการปองร้ายในครอบครัว ในตอนการแพร่ระบาดของ COVID – 19 แล้ว จะมองเห็นเลยนะว่า จำนวนน่าสยดสยองไม่แพ้ยอดผู้ติดเชื้อโรค COVID – 19 เลยนะ โดยสถิติจากศูนย์กระทำการเหตุการณ์ความร้ายแรงในครอบครัว ตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2559 -2563 พบว่า มีปริมาณเฉลี่ย 1,400 ราย/ปี รวมทั้งความร้ายแรงในครอบครัวโดยมากมักเกิดขึ้นกับเด็กรวมทั้งสตรี ดังนี้จากผลจากการสำรวจในตอนต.ค. 2562 - เดือนเมษายน 2563 พบว่า 87% เป็นความร้ายแรงทางร่างกาย 9% เป็นความร้ายแรงทางเพศ แล้วก็ 4% เป็นความร้ายแรงทางด้านจิตใจ ถ้าเกิดมองกันเฉพาะในตอนที่มีการระบาดของ COVID - 19 พบว่า ความร้ายแรงในครอบครัวของเมืองไทยเพิ่มสูงมากขึ้นถึง 66% ซึ่งต้นเหตุโดยมากมาจากเรื่องความตึงเครียดด้านเศรษฐกิจที่มีผลต่อรายได้ในครอบครัว แล้วก็การใช้สิ่งเสพติด
ข้อมูลที่ได้มาจากศูนย์ทำการกรมธุรกิจสตรีรวมทั้งสถาบันครอบครัว กรมกิจการค้าสตรีแล้วก็สถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและก็ความยั่งยืนและมั่นคงของผู้คน พบว่า สถิติความร้ายแรงในครอบครัว ระหว่างต.ค. 2563 – พ.ค. 2564 มีผู้ถูกกระทำด้วยความร้ายแรงในครอบครัว 1,492 ราย เป็นเพศเมีย 81% โดยมีความข้องเกี่ยวแบบผัว-เมีย 39% เมื่อมองถึงตอนวัยของผู้ถูกกระทำความร้ายแรง พบว่า อยู่ในกลางคน 32.4% รวมทั้งวัยผู้ใหญ่ตอนแรก 32.1% รวมทั้งที่น่าตกใจเป็นผู้ถูกกระทำความร้ายแรงเลือกที่จะไม่ฟ้องร้องมากถึง 78%
รวมทั้งจากการรวบรวมเหตุการณ์ความร้ายแรงในครอบครัวที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ ของมูลนิธิหญิงชายก้าวหน้า พบว่า ตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2555 - 2563 ความร้ายแรงในครอบครัวมีลักษณะท่าทางเพิ่มสูงมากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งข่าวสารความร้ายแรงในครอบครัว แบ่งออกได้เป็น 6 จำพวก ตัวอย่างเช่น การฆ่ากัน การฆ่าตัวตาย การปองร้ายกัน การมีท้องไม่พร้อม ความร้ายแรงทางเพศของบุคคลในครอบครัว รวมทั้งความร้ายแรงในครอบครัวอื่นๆโดยความร้ายแรงในครอบครัวที่พบได้ทั่วไปที่สุดเป็น“การฆ่ากัน” จากการคำนวณค่าถัวเฉลี่ยรวมระหว่างปี พุทธศักราช 2555 - 2563 พบว่า ค่าถัวเฉลี่ยมากถึง 57.82% แล้วก็สถานที่ก่อเหตุยอดนิยม ก็คือ ข้างในบ้านของตัวเอง
เมื่อมองดูจำนวนสถิติการเช็ดกรังควานจากผู้ที่รักข้างบนแล้ว จำต้องขอย้ำอีกรอบเลยจ๊าว่า “อกหัก ดีมากยิ่งกว่าทนอยู่กับความรักห่วยๆ” เนื่องจากจากสถิติทางด้านจิตวิทยา พบว่าโทษแรงที่สุดของการอกหักเป็นการป่วยเป็นโรคไม่มีชีวิตชีวา แต่ว่าเมื่อมองจากข้อมูลที่เอามาเสนอ จะมีความคิดเห็นว่า ผลเสียแรงที่สุดของการทนอยู่กับความรักห่วยแตกๆเป็น การไม่มีชีวิตอยู่บนโลก ซึ่งร้ายแรงกว่ามากมายเลยจ๊ะ ด้วยความหวังดี พวกเราก็เลยขอชี้แนะแนวทาง Move on จากความเกี่ยวเนื่องเป็นพิษ ตามแนวทางทางด้านจิตวิทยา Reality Therapy มาฝากกันจ้ะ
ขั้นตอนแรกขอเสนอแนะเคล็ดลับจิตวิทยา Reality Therapy กันก่อน เนื่องจากผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางครั้งอาจจะไม่เคยได้ยิน เคล็ดวิธี Reality Therapy นั้น เป็นแถวทางการบรรเทาด้านจิตวิทยาตามแนวความคิดของ William Glasser โดยมีหลักคิดสำคัญ ว่า “ต้องรับผิดชอบรวมทั้งควบคุมวิถีชีวิตของพวกเราเอง รวมทั้งเจอหน้ากับปัญหาที่เกิดขึ้นจากความประพฤติของพวกเรา” มันก็คือ การเน้นให้คนรับการบำบัดมีความรับผิดชอบในชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีความกล้าหาญที่จะสารภาพและก็เจอหน้ากับผลการทำของตัวเอง ซึ่งจะก่อให้พวกเรามีความอาจหาญที่จะอกหัก รวมทั้ง Move on ออกมาจากความเกี่ยวพันที่เป็นพิษได้อย่างกล้าหาญจ้ะ โดยแนวทาง 8 ข้อ มีดังนี้จ้ะ
1. กำหนดจุดมุ่งหมายในชีวิต
ก่อนที่จะกล้าอกหัก จะต้องกล้าที่จะรักตนเองก่อน โดยเริ่มจากมาตั้งความมุ่งหมายในชีวิตกัน ว่าอันที่จริงแล้วพวกเราปรารถนาอะไร ต้องการทำอะไร มีความต้องการอะไร แล้วมาคิดแผนชีวิตที่ละขั้นกันจ้ะว่าจำต้องทำเช่นไร ถึงจะไปให้ถึงจุดมุ่งหมายชีวิตของพวกเรา รวมทั้งค่อยทำตามอย่างฝันให้เสร็จถัดไปจ้ะ
2. อยู่กับเดี๋ยวนี้
ถ้าคุณกำลังดูเหตุการณ์ความรักห่วยแตกๆของคุณ แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปวาดวิมานในอากาศเสมือนนิยายว่าถึงเขาจะร้าย ท้ายที่สุดก็จะรักพวกเรา ตื่นก่อนจ้ะทุกคน ความรักมันห่วย ก็คือห่วยจ้ะ คนหัวงู ก็คือเจ้าชู้ ผู้ที่ร้ายกับพวกเรา ยากจ้ะที่ทันทีจะมาใจดี รักพวกเราขึ้นมา อยู่กับเดี๋ยวนี้มองดูเหตุการณ์ตามจริง และก็คิดแผนที่จะก้าวออกมาดียิ่งกว่าจ้ะ
3. เชื่อในตนเอง
มีคนรู้จักกันของพวกเราผู้คนจำนวนมาก ที่คบกับคู่รักมานานกว่า 10 ปี แล้ววันหนึ่งคู่รักแปรไป แม้กระนั้นหลายๆคนก็เลือกที่จะทนอยู่ในความข้องเกี่ยวห่วยๆเนื่องจากว่าไม่เชื่อมั่นสำหรับเพื่อการดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง เนื่องจากคุ้นชินกับการใช้ชีวิตที่เคยมีเขา ถ้าหากจำเป็นต้องอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ ขอให้มีสติ แล้วย้ายไปอยู่กับครอบครัวของพวกเรา ก่อนที่จะเบาๆปรับการใช้ชีวิตให้อยู่ได้ด้วยตัวเองนะคะ
4. ค้นหาข้อดีของพวกเราเอง
แนวทางการหนึ่งที่นักจิตวิทยาเสนอแนะว่า จะสามารถช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและมั่นใจในตนเอง ก็คือ การค้นหาจุดแข็งของพวกเรา ซึ่งมิได้จำกัดอยู่เพียงแค่รูปพรรณสัณฐาน แม้กระนั้นยังรวมถึงความรู้ความเข้าใจ วิชาความรู้ รวมทั้งความสามารถที่พวกเราถนัดจ้ะ ตัวอย่างเช่น ความสามารถการประกอบอาหารเยี่ยม เป็นนักเลี้ยงแคคตัสมือโปร เป็นเลิศนักเต้น cover อย่างงี้ ฯลฯจ้ะ
5. กล้าเสี่ยงหน้ากับปัญหา
ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ใครหลายๆคนไม่กล้า Move on ออกมาจากความข้องเกี่ยวเป็นพิษ เนื่องจากว่าคู่รักปองร้าย แล้วก็พวกเราก็เคยได้เห็นข่าวสารบ่อยที่ร้ายแรงถึงการฆาตกรรม ถ้าหากเป็นอย่างนี้ขอชี้แนะให้วิงวอนจากผู้ชำนาญทางด้านกฎหมาย และก็นำหลักฐานขอความปกป้องจากตำรวจ แล้วก็ใช้แนวทางการตามกฎหมายสำหรับการซื้ออิสระให้ตัวเรา จะไม่เป็นอันตรายที่สุดนะคะ
6. หมั่นให้กำลังใจตัวเอง
ผู้กระทำล้าที่จะ “อกหัก” เกิดเรื่องที่ยาก นักจิตวิทยาก็เลยเสนอแนะว่า การให้กำลังใจตนเองก็เลยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าผู้เดียวที่ข้างเคียงพวกเราตลอดระยะเวลาเป็นตัวเราเอง ด้วยเหตุนั้น แม้พวกเรากล้าที่จะกลับตัวกลับใจ กล้าที่จะยืนหยัด เพื่อออกมาจากความข้องเกี่ยว พวกเราจะต้องหมั่นให้กำลังใจตัวเราเอง ได้แก่ ชื่นชอบตนเอง เปลี่ยนภาพลักษณ์ตนเองให้แจ่มใส ฯลฯ
7. คิดอย่างมีเหตุผลมากยิ่งกว่าอารมณ์
ในความเกี่ยวเนื่องที่แตกแยก การติดต่อสื่อสารระหว่างแฟนที่ไม่รักกันแล้ว ชอบเต็มไปด้วยอารมณ์ทางลบ ที่ยิ่งจะก่อให้เหตุการณ์เลวลงไปเรื่อยโดยเหตุนี้ ถ้าเกิดคุณกำลังจะ Move on จากความเชื่อมโยง ขอให้มีการติดต่อสื่อสารกับสมัยก่อนคู่รักด้วยเหตุผลเป็นหลัก เพื่อลดความร้ายแรงของอารมณ์ลงจ้ะ
8. เห็นด้วยข้อบกพร่องของตน
บางเวลาการเลือกคู่รักก็ราวกับการซื้อของสุ่มหมายถึงพวกเราไม่เคยทราบหรอกว่าคนนั้นจะเป็นผู้ที่พวกเราปรารถนาจริงๆหรือเป็นเพียงแค่ผู้ที่มีดีเพียงแค่ใบหน้า ด้วยเหตุดังกล่าวการที่พวกเราเผชิญความรักห่วยแตกๆก็เลยเป็นเยี่ยมในการเสี่ยงของชีวิตที่พวกเราสามารถเผชิญได้ แม้กระนั้นอย่าได้โทษตนเองจ้ะ เพราะว่าไม่มีผู้ใดที่ตั้งดวงใจทำให้ตนเองเจ็บ ขอให้ศึกษาจากข้อผิดพลาด รวมทั้งดำรงชีวิตต่อด้วยความไม่ประมาทนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น